Last updated: 10 เม.ย 2568 | 5111 จำนวนผู้เข้าชม |
ในประเทศไทย สแตนเลส ที่นิยมใช้กันมากมีหลายเกรด ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน โดยเกรดที่พบได้บ่อย ได้แก่
1. สแตนเลสเกรด 304 (SUS304)
คุณสมบัติ: ทนทานต่อการกัดกร่อนสูง ไม่เป็นสนิมง่าย
การใช้งาน:
- เครื่องครัว เช่น หม้อ กระทะ อ่างล้างจาน
- งานตกแต่งอาคาร เช่น ราวบันได กันสาด
- อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
ข้อเสีย: ไม่ทนต่อสารเคมีที่เป็นกรดหรือด่างรุนแรง
2. สแตนเลสเกรด 316 (SUS316)
คุณสมบัติ: ทนการกัดกร่อนสูงกว่ารุ่น 304 โดยเฉพาะกับสารเคมีและน้ำทะเล
การใช้งาน:
- งานทางทะเล เรือ หรืออุปกรณ์ที่สัมผัสน้ำเกลือ
- อุตสาหกรรมเคมีและเวชภัณฑ์
- เครื่องมือแพทย์
ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าสแตนเลส 304
3. สแตนเลสเกรด 201 (SUS201)
คุณสมบัติ: แข็งแรง ราคาถูกกว่าสแตนเลส 304 แต่ทนการกัดกร่อนได้น้อยกว่า
การใช้งาน:
- ของใช้ภายในบ้าน เช่น ช้อน ส้อม ถาดอาหาร
- งานตกแต่งที่ไม่ต้องเผชิญสภาพอากาศรุนแรง
ข้อเสีย: อาจเกิดสนิมเมื่อสัมผัสน้ำหรือความชื้นเป็นเวลานาน
4. สแตนเลสเกรด 430 (SUS430)
คุณสมบัติ: มีความแข็งแรงปานกลาง ราคาถูก ไม่เป็นสนิมง่ายแต่ทนการกัดกร่อนน้อยกว่า 304
การใช้งาน:
- งานตกแต่งภายใน เช่น เฟอร์นิเจอร์ ตู้เย็น เครื่องดูดควัน
- งานที่ไม่ต้องสัมผัสกับน้ำหรือน้ำเค็มบ่อย
ข้อเสีย: ไม่ทนต่อความชื้นและสารเคมีบางชนิด
5. สแตนเลสเกรด 410/420
คุณสมบัติ: มีความแข็งสูง ทนทานต่อแรงเสียดสี แต่มีความต้านทานการกัดกร่อนต่ำ
การใช้งาน:
- มีด เครื่องมืออุตสาหกรรม
- อะไหล่เครื่องจักร
ข้อเสีย: อาจเกิดสนิมได้ง่ายหากไม่ดูแลรักษา
สรุปการเลือกใช้สแตนเลส
304: เหมาะกับงานทั่วไปที่ต้องการความทนทาน ไม่เป็นสนิม
316: เหมาะกับงานที่ต้องสัมผัสสารเคมีหรือน้ำทะเล
201: เหมาะกับงานที่ต้องการราคาถูก และไม่ต้องเผชิญสภาพอากาศหนัก
430: เหมาะกับงานตกแต่งและเครื่องใช้ไฟฟ้า
410/420: เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรง เช่น มีดและเครื่องมือ
8 ก.ค. 2566